• slider-image2
    ULID
    Infused Herbs Water
    เอนไซม์น้ำผลไม้และ
    สมุนไพรสกัดเข้มข้น
    สุขภาพดีๆ มีได้ทุกวัน

ULID เอนไซม์น้ำผลไม้และสมุนไพรสกัดเข้มข้น ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยในรูปแบบของ Infused Herbs Water ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Complex-aged Probiota (CAP) ที่สกัดด้วยน้ำแร่ธรรมชาติผ่านกระบวนการ Hexagonic Technology กระจายโมเลกุลให้เป็นโมเลกุลเล็ก ๆ รูปหกเหลี่ยม เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากผลไม้และสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และส่งเสริมสุขภาพร่างกายไปพร้อม ๆ กัน

ULID เอนไซม์น้ำผลไม้และสมุนไพรสกัดเข้มข้น

ประโยชน์ของการดื่ม

น้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพร

ช่วยกระตุ้นระบบย่อยและดูดซึมสารอาหาร

ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย

ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ช่วย DETOX สารพิษออกจากร่างกาย

ส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

ส่งเสริมโปรไบโอติคส์ในลำใส้

ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย

ปรับสมดุลย์กรดด่างในร่างกาย ช่วยให้เลือดเป็นด่าง

เสริมการจับและนำพาออกซิเจนของเลือดเข้าสู่เซลล์

บำรุงกำลัง ลดอาการเหนื่อยล้า ช่วยให้สดชื่น

บำรุงสมอง

เสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกาย ต้านมะเร็ง

ต้านความชรา ช่วยให้อายุยืนยาว

เทคโนโลยี CAP

CAP Technology

Complex-aged Probiota (CAP) เป็นเทคโนโลยีการบ่มสกัดโดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ Probiotics ที่ได้จากผิวในของผลสุกกล้วยน้ำว้าไทย ที่ถูกนำมาใช้เป็นจุลินทรีย์ตั้งต้น สำหรับการผลิตและสกัดสารสำคัญจากผลไม้และสมุนไพร ULID ซึ่งช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารอาหารและสารสำคัญในวัตถุดิบที่นำมาใช้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น โดยที่กระบวนการของ CAP นั้นจะใช้หลักการของกระบวนการหมักที่ควบคุมระยะเวลา อุณหภูมิ ออกซิเจน และความดันอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละกระบวนการหมัก แล้วนำเอา Infused Water ที่ได้จากการกระบวนการหมักที่แตกต่างกันนั้นมาผสมกัน เพื่อให้เกิดสารประกอบ Complex ของสารสำคัญที่ได้จากกระบวนการหมักที่แตกต่างกันในระดับของ Process นั้นเข้าด้วยกัน ส่งผลให้เราได้สารสำคัญจากกระบวนการหมักที่หลากหลายระดับและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเข้าด้วยกันเมื่อเรารับประทาน ซึ่งแตกต่างจากน้ำหมักสมุนไพรทั่วไป ที่ไม่มีการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ตั้งต้น จึงอาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคเข้ามาในระบบการผลิตได้ รวมทั้งกระบวนการหมักทั่วไปนั้นจะปล่อยให้เกิดกระบวนการหมักในระยะเวลานาน ๆ เช่นนับปี หรือหลาย ๆ ปี ทำให้สารสำคัญในพืชสมุนไพรถูกทำลายไปหมด จนเหลือแต่กรดน้ำส้ม Acetic Acid ซึ่งมีประโยชน์น้อยมากต่อร่างกาย เมื่อเทียบกับกระบวนการของ CAP ซึ่งเป็นกระบวนการที่สร้างให้สารสำคัญและสารอาหารในพืชสมุนไพรและผลไม้อยู่ในสภาวะที่พร้อมดูดซึมเข้าสู่ร่ายกาย ในขณะที่โครงสร้างของสารสำคัญมีขนาดเล็ก และอยู่ในรูปของ Bioactive ที่พร้อมทำงานในร่างกาย

Complex-aged Probiota (CAP) ULID กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

CAP Technology

  • คัดเลือกจุลินทรีย์โปรไบโอติคส์ตั้งต้น คัดแยกจากผิวกล้วยน้ำว้า
  • กระบวนการขยายจุลินทรีย์ตั้งต้นด้วยสารอาหาร
  • คั้นน้ำสกัดผลไม้และสมุนไพร
  • หมักบ่ม Fermentation ในหลาย Condition (ควบคุมระยะเวลาการหมัก, ออกซิเจน, อุณหภูมิ, ความดันอากาศ, แสง) ที่แตกต่างกัน
  • ผสมน้ำผลไม้และสมุนไพรที่ผ่านการหมักเข้าด้วยกัน
  • ปรุงรสชาติ
  • ฆ่าเชื้อก่อนบรรจุ ด้วยกระบวนการพาสเจอร์ไรส์
  • ผลิตภัณฑ์ ULID
  • ช่วยทำให้สารอาหารและสารสำคัญในผลไม้และสมุนไพร อยู่ในรูปของสารสำคัญสายโมเลกุลสั้น ๆ ที่เป็นประโยชน์และพร้อมดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และอยู่ในรูปของ Bioactive Molecule ที่พร้อมทำงานในร่างกาย
  • ช่วยให้เกิดกรดอินทรีย์หลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กรดอาซิติค, กรดแลคติค, กรดบิวทริริค กรดโพรพิโอนิก เป็นต้น
  • ช่วยสร้างวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 6 บี 12 วิตามินเค วิตามินอี ฯลฯ.
  • ช่วยสร้างฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์สำหรับร่างกาย เช่น IAA, Auxin, cytokinins (CKs) abscisic acid (ABA)
  • ช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านความชรา ต้านมะเร็ง
  • สารสำคัญและฮอร์โมนบางชนิดจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของโปรไบโอติคส์ที่มีประโยชน์ในลำใส้ จึงช่วยการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร, ช่วยส่งเสริมภูมิต้านทานร่างกาย และช่วยการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
  • ช่วยสร้างสมดุลย์ของร่างกาย
  • ช่วยให้เลือดเป็นด่าง ทำให้จับออกซิเจนได้ดี และดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง
  • ช่วยสลายสารพิษในร่างกาย Detoxification เช่น โลหะหนัก, สารเคมี, สารพิษจากยาฆ่าแมลงฯลฯ.

ULID น้ำโมเลกุลเล็กรูปหกเหลี่ยม

ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ มาผ่านกระบวนการทางกายภาพด้วยสนามแม่เหล็กแรงสูง ที่เรียกว่า Hexagonic Technology เพื่อให้กลุ่มโมเลกุลของน้ำแร่เกิดการกระจายตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ รูปหกเหลี่ยม (ภาพด้านล่าง) จึงช่วยเสริมการดูดซึมสารสำคัญในน้ำเอนไซม์และพืชสมุนไพรเข้าสู่ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ 500 เท่า แสดงผลึกของน้ำที่ผ่านกระบวนการ Hexagonic technology ได้น้ำโมเลกุลเล็กรูปหกเหลี่ยมกระจายตัว

น้ำโมเลกุลเล็กรูป 6 เหลี่ยมจะซึมเข้าสู่เซลล์ร่างกายได้ดีกว่า

ฮอร์โมนสำหรับพืช ก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์เช่นเดียวกัน

กระบวนการหมักพืชสมุนไพรและผลไม้ นอกจากจะนำมาใช้ดื่มเพื่อส่งเสริมสุขภาพแล้ว ยังถูกนำมาใช้เพื่อการเกษตรชีวภาพอีกด้วย เนื่องจากกระบวนการหมักของสมุนไพรและผลไม้ยังก่อให้เกิดฮอร์โมนพืชหลายชนิด เช่น auxins, cytokinins (CKs) abscisic acid (ABA) ซึ่งจากการวิจัยน้ันพบว่า ฮอร์โมนพืชเหล่านี้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์เช่นเดียวกัน โดยทำหน้าที่ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์มีประโยชน์ Probiotics ในลำใส้ ทำให้ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกาย, ช่วยลดอาการอักเสบ ต้านมะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก และช่วยการทำงานของร่างกายมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ที่ยังไม่รู้กลไกการออกฤทธิ์ เช่น การตอบสนองต่อความเครียด, การสร้างพลังงานของเซลล์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนที่ชอบรับประทานผักสดเป็นประจำในมื้ออาหาร จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและเจ็บป่วยน้อยกว่าคนทั่วไป

ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ ULID นำน้ำแร่ธรรมชาติ
น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha

ข้อดีของกระบวนการหมักสมุนไพร

ข้อดีของกระบวนการหมักสมุนไพร

  1. 1

    ได้สารสำคัญที่ขนาดโมเลกุลเล็กลง น้ำหนักโมเลกุลเล็กลง ทำให้ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งทำให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น

  2. 2

    เกิดสารสำคัญใหม่ที่เป็นประโยชน์มากขึ้นต่อร่างกาย

  3. 3

    ด้วยกระบวนการหมักหลายลำดับ แบบ CAP ทำให้ได้สารสำคัญที่หลากหลาย ในหลายระดับขนาดของโมเลกุลทำให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุดต่อร่างกาย

  4. 4

    ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาสูงขึ้นและกว้างขวางขึ้น คือมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น เช่น ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ฤทธิ์กระตุ้นภูมิต้านทาน เป็นต้น

  5. 5

    รสชาดอร่อย รับประทานง่าย

  6. 6

    ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

  7. 7

    ช่วยการขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย

  8. 8

    ช่วยเพิ่มโปรไบโอติคส์ในลำใส้

  9. 9

    ช่วยสร้างสมดุลย์ร่างกายได้ดีขึ้น

  10. 12

    ทำให้ได้รับประโยชน์จากสมุนไพรชนิดนั้น ๆ อย่างเต็มที่และสูงขึ้นกว่าการทานสารสกัดสมุนไพรในลักษณะอื่น ๆ เช่น แคปซูล เม็ดยา หรือแม้แต่สารสกัด

ทำให้ได้รับประโยชน์จากสมุนไพรชนิดนั้น

Kombucha

Kombucha
  • ตัวอย่างของน้ำหมักสมุนไพรกับสุขภาพ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีคือ คัมบูชะ Kombucha ซึ่ง Kombucha เกิดจากการนำน้ำชาอย่างชาดำหรือชาเขียว น้ำตาล จุลินทรีย์ และยีสต์ ไปหมักรวมกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จนออกมาเป็นเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด โดยมีส่วนผสมหลักเป็นกรดน้ำส้ม (Acetic Acid) รวมถึงวิตามินบีและสารต่าง ๆ มากมาย เมื่อดื่มชาชนิดนี้จะให้ความรู้สึกซ่าและมีกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อย โดยบางคนเชื่อว่า Kombucha นั้นดีต่อสุขภาพ และมีสรรพคุณช่วยป้องกันหรือรักษาโรคบางชนิดได้ ซึ่งมีการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์บางส่วนเคยศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของ Kombucha ไว้ ดังนี้

เป็นแหล่งโพรไบโอติกส์

เป็นแหล่งโพรไบโอติกส์

เป็นแหล่งโพรไบโอติกส์

กระบวนการหมัก Kombucha นั้น ก่อให้เกิดจุลินทรีย์และยีสต์สายพันธุ์ดีหรือโพรไบโอติกส์ปริมาณมาก ซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหารของร่างกาย เพราะโพรไบโอติกส์จะไปทดแทนจุลินทรีย์สายพันธุ์ดีในระบบย่อยอาหารที่สูญเสียไปจากหลายสาเหตุ อย่างการกินอาหารไม่สะอาดหรือการใช้ยาบางชนิด อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าโพรไบโอติกส์อาจช่วยรักษาและป้องกันโรคทางเดินอาหารบางชนิดได้ด้วย ได้แก่ อาการท้องเสียจากการติดเชื้อหรือท้องเสียจากยาปฏิชีวนะ ลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน โรคติดเชื้อเอชไพโลไร และโรคติดเชื้อคลอสไทรเดียมดิฟิซายล์ โดยระหว่างที่หมัก Kombucha เชื้อแบคทีเรียและยีสต์จะแบ่งตัวจนเห็นเป็นแผ่นฟิล์มลักษณะคล้ายกลุ่มเห็ดเคลือบอยู่บนผิวของของเหลว ด้วยเหตุนี้ บางคนจึงเรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่าชาเห็ด หรืออาจเรียกกลุ่มแบคทีเรียและยีสต์ที่มีชีวิตนี้ว่า SCOBY ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหัวเชื้อสำหรับหมัก Kombucha ครั้งต่อไปได้

นอกจากนั้น โพรไบโอติกส์ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะการเสียสมดุลระหว่างจุลินทรีย์สายพันธุ์ดีและสายพันธุ์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย โดยมีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่าโพรไบโอติกส์ช่วยให้เด็กและผู้ใหญ่ที่มีอาการหวัดหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม โพรไบโอติกส์นั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลต่อร่างกายแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และปัจจัยทางร่างกายของแต่ละคน ดังนั้น จึงควรมีงานวิจัยสนุบสนุนเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์ให้แน่ชัดยิ่งขึ้น และผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการกินหรือดื่มผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ที่ยังไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ซึ่ง ULID นั้นได้จากกระบวนการหมักด้วยเทคโลโลยีเฉพาะ CAP (Complex Aged Probiota)ซึ่งนำหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่คัดแยกจากผิวเปลือกกล้วยน้ำว้าเป็นจุลินทรีย์ตั้งต้น จึงมีความปลอดภัยและปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

icon

อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

Kombucha ที่หมักจากชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกันหรือยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระอย่างสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) โดยในปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาคุณสมบัติของ Kombucha ในด้านนี้กับหนูที่ได้รับสารละลายตะกั่วติดต่อกัน 45 วัน โดยแบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กิน Kombucha ควบคู่กับได้รับสารตะกั่ว กับกลุ่มที่ไม่ได้กิน Kombucha พบว่าเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารตะกั่วของหนูกลุ่มแรกนั้นมีจำนวนลดลง ดังนั้น เครื่องดื่มชนิดนี้จึงอาจช่วยลดความเป็นพิษของตับจากการได้รับสารเคมีที่เป็นพิษได้

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองในสัตว์เท่านั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงอาจแตกต่างกับการทดลองในคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดที่ศึกษาคุณสมบัติของ Kombucha ในด้านการต้านอนุมูลอิสระกับคนโดยตรง จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติมที่ชัดเจนในอนาคตต่อไป

icon

ออกฤทธิ์กำจัดแบคทีเรีย

ออกฤทธิ์กำจัดแบคทีเรีย

Kombucha มีกรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติกเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงมีงานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิภาพของ Kombucha ในการต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วพบว่า Kombucha ที่หมักจากชาดำและชาเขียวอาจมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อแคนดิดาซึ่งเป็นยีสต์ชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อคน นอกจากนั้น

คุณสมบัติในด้านนี้ของ Kombucha จะส่งผลต่อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้น จึงไม่ทำให้จำนวนโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์สายพันธุ์ดีลดน้อยลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม งานวิจัยถึงประสิทธิภาพของ Kombucha ในการต้านเชื้อแบคทีเรียยังมีอยู่ไม่มากนัก จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยสนันสนุนเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในด้านนี้ให้แน่ชัด

icon

ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเป็น 1 ในปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งโดยปกติแล้วคอเลสเตอรอลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ คอเลสเตอรอลชนิดดี (High Density Lipoprotein: HDL) ซึ่งทำหน้าที่กำจัดไขมันอันตรายในกระแสเลือด และยับยั้งการสะสมของไขมันและคอเลสเตอรอลส่วนเกิน กับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (Low Density Lipoprotein: LDL) หากมีไขมันในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดการสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาได้

ทั้งนี้ มีงานวิจัยหนึ่งศึกษาประสิทธิภาพของ Kombucha ในการลดระดับคอเลสเตอรอล โดยให้หนูที่ถูกป้อนอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำกิน Kombucha ติดต่อกัน 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงเปรียบเทียบปริมาณ HDL และ LDL ก่อนและหลังกิน พบว่า LDL มีปริมาณลดลง แต่ HDL กลับมีปริมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้น Kombucha จึงอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้ และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย แต่งานวิจัยข้างต้นเป็นเพียงการทดลองกับสัตว์ จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยสนับสนุนที่ทดลองกับคนในอนาคตต่อไป

icon

ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ลดระดับน้ำตาลในเลือด

มีงานค้นคว้าที่ศึกษาประสิทธิภาพของ Kombucha ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยให้หนูที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกิน Kombucha ติดต่อกัน 30 วัน พบว่าร่างกายของหนูใช้เวลาในการย่อยอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตช้าลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงตามไปด้วย ดังนั้น การดื่ม Kombucha จึงอาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยข้างต้นเป็นเพียงการศึกษาในหนูทดลอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากสัตว์กับผลลัพธ์ที่ได้จากคนอาจแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยสนับสนุนที่ศึกษากับคนในอนาคต เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของ Kombucha ในด้านนี้ให้แน่ชัด นอกจากนั้น การเติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติก่อนดื่ม Kombucha นั้น อาจทำให้ประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่เป็นผล เพราะการเติมน้ำตาลเข้าไปในชาหมักหลังจากหมักเสร็จแล้วจะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

icon

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

มะเร็งเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกาย และเซลล์ดังกล่าวอาจเพิ่มจำนวนขึ้นโดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งนับเป็นโรคที่ร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ปัจจุบันมีงานวิจัยในห้องปฏิบัติการที่พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่อยู่ในชาอันเป็นส่วนผสมหลักของ Kombucha อาจมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง รวมถึงยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้

ซึ่งในสมุนไพรแต่ละชนิดที่มีคุณค่าต่อร่างกายนั้น เมื่อนำมาหมักกับจุลินทรีย์โปรไบโอติคส์ที่มีประโยชน์ ก็จะทำให้ได้คุณประโยชน์จากสมุนไพรชนิดนั้น ๆ เพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกันกับ Kombucha นั้นเอง ซึ่งหากเปรียบเทียบไปแล้ว สมุนไพรที่มีคุณค่าทางยาสูง ๆ เช่น เห็ดหลินจือ เห็ดถั่งเช่า พลูคาว ว่านหางจระเข้ ฯลฯ.นั้น เมื่อนำมาผ่านกระบวนการหมัก ก็ย่อมจะมีคุณค่าต่อร่างกายมากไปกว่าเดิม และมีคุณค่าที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของสมุนไพรซึ่งมีสารสำคัญที่แตกต่างกัน

การได้รับสารสำคัญจากสมุนไพรที่มีคุณค่าหลากหลายหมุนเวียนกันไปนั้น ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารและสารสำคัญที่หลากหลาย ทำให้ช่วยเสริมความสมดุลย์ของร่างกายและทดแทนในส่วนที่ร่างกายขาดแคลนเช่นเดียวกันการเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย ซึ่ง ULID นั้นมีสมุนไพรให้เลือกรับประทานหลายชนิดตามความชอบและความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เราจึงอยากแนะนำว่า ควรรับประทานหมุนเวียนกันไปในแต่ละชนิดเพื่อให้ร่างกายได้รับสารสำคัญที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายสมดุลย์และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและสารสำคัญของสมุนไพรหมักแต่ละชนิด

ULID

เหมาะสำหรับใคร

ผู้ที่มีอาการระบบย่อยอาหารผิดปกติ ท้องร่วงบ่อย หรือสลับกับท้องผูก โรคลำไส้อักเสบ การขับถ่ายผิดปกติเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน
ผู้มีปัญหาระบบขับถ่าย ท้องผูกบ่อย
ผู้ที่ชอบมีอาการแพ้ ผื่นตามผิวหนัง
ผู้มีปัญหาโรคระบบภูมิต้านทาน เช่น ภูมิต้านทานต่ำ ภูมิเพี้ยนทำลายตัวเอง (Auto Immune) เป็นหวัดบ่อย ๆ ภูมิแพ้ หอบหืด ไอเรื้อรัง มีน้ำมูกบ่อย ๆ
ผู้ที่อยู่ในสภาวะอากาศที่มีมลพิษสูง เช่น อยู่ในเมืองใหญ่ ฝุ่นควัน PM2.5
ผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันตัวเองให้สมดุลย์แข็งแรงอยู่เสมอ
เด็กวัยเรียน ต้องการเพิ่มความจำและการเรียนรู้ รวมถึงสร้างภูมิต้านทานโรค
ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย ทำงานหนัก ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย
ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ อ่อนเพลีย
ผู้ที่ต้องการเสริมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย
ผู้หญิงที่ตกขาวบ่อย ๆ
ผู้ที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันผิดปกติ สูงหรือต่ำ
ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก มีโรคอ้วน น้ำหนักเกิน สะสมไขมันในร่างกาย
ผู้ที่ต้องการต้านและป้องกันโรคมะเร็ง มีคนในครอบครัวมีประวัติการเป็นมะเร็ง
เป็นเบาหวาน หรือต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ต้องการต้านโรคฟันผุและโรคเหงือก
ผู้ที่มีอาการอาการกล้ามเนื้ออักเสบและเพลียเรื้อรัง

เอนไซม์ คืออะไร?

เอนไซม์ คืออะไร?

เอนไซม์ หรือ enzyme คือ กลุ่มของโปรตีนที่มีหน้าที่พิเศษแตกต่างจากโปรตีนทั่วไป คือ มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์องค์ประกอบภายในเซลล์ ระบบการย่อยอาหาร ฯลฯ เอนไซม์มีความจำเพาะต่อสารที่ทำปฏิกิริยาที่เรียกว่า "ซับสเตรด " (Substrate) และสามารถเร่งปฏิกิริยาโดยไม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อื่น ตลอดทั้งเอนไซม์จะเพิ่มอัตราเร็วของปฏิกิริยาโดยลดพลังงานกระตุ้นของปฏิกิริยาได้

คุณสมบัติของเอนไซม์

  • เอนไซม์มีโครงสร้างทางเคมีเป็นโปรตีน ซึ่งประกอบไปด้วยโพลีเปปไทด์ (Polypeptide) เพียงสายเดียวหรือหลายสายที่ม้วนกันเป็นก้อนกลม มีโครงรูปที่จำเพาะ และถูกกำหนดมาโดยลำดับการเรียงตัวของกรดอะมิโน และยังมีเอนไซม์อีกจำนวนมากที่มีสารประกอบอื่นที่ไม่ใช่โปรตีนรวมอยู่ด้วยจึงทำหน้าที่ได้ เอนไซม์เหล่านี้เรียกว่า "โฮโลเอนไซม์ " (Holoenzyme) เฉพาะส่วนที่เป็นโปรตีนจะเรียกว่า "กลุ่มโพรสทีติก " (Prosthetic group) ซึ่งอาจจะเป็นไอออนของโลหะเรียกว่า "โคแฟกเตอร์ " (Cofactor) และถ้าเป็นสารประกอบอินทรีย์จะเรียกว่า "โคเอนไซม์ " (Coenzyme)
  • มีเอนไซม์จำนวนมากจะไม่ทำงานถ้าไม่มีตัวช่วย อย่าง โคเอนไซม์ และโคเอนไซม์ส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินชนิดที่ละลายน้ำหรือเกลือแร่จำเป็นยางชนิด ซึ่งเกลือแร่จำเป็นน้ำบางครั้งจะเรียกว่า โคแฟกเตอร์ ซึ่งเอนไซม์ทำจากโปรตีน แต่โคเอนไซม์ไม่ใช่โปรตีน และเอนไซม์จะมีขนาดใหญ่มากกวาโคเอนไซม์ โดยในระห่างการทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีอยู่นั้น เอนไซม์จะกลีบคืนมาเป็นอิสระอย่างเดิม แต่โคเอนไซม์จะหมดเปลืองไปเรื่อย ๆ จึงจำเป็นต้องหามาเสริมจากที่ต่าง ๆ
  • เอนไซม์แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะตัว เพราะจะทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะกับสารตั้งต้น หรือ ซับสเตรด (Substrate) ที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น เช่น เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง และเอนไซม์ย่อยแป้งจะไม่ย่อยโปรตีน เป็นต้น เอนไซม์จะยังคงสภาพเดิมทั้งคุณสมบัติและปริมาณ ภายหลังการเกิดปฏิกิริยาแล้วจึงจะสามารถเร่งปฏิกิริยาต่อไปได้อีก
  • เอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สามารถเร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาโดยเป็นตัวลดพลังงานกระตุ้น
  • เอนไซม์มีความไวต่อปฏิกิริยามาก แม้ในปริมาณเพียงน้อยนิดก็สามารถเร่งปฏิกิริยาได้ ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมีทุกชนิดจะเกิดขึ้นช้ามาก จนชีวิตไม่สามารถรอดอยู่ได้
  • การแช่แข็งจะไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์ส่วนใหญ่ แต่เอนไซม์จะถูกทำลายได้โดยง่ายที่ความร้อนสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส
  • เอนไซม์มีความจำเพาะเจาะเจาะจงต่อซับสเตรด (Supstrate) หรือสารตั้งต้นที่จะเข้าทำปฏิกิริยาแต่ละชนิด จึงสามารถเร่งปฏิกิริยาใดปฏิกิริยาหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น ยกเว้นเอนไซม์บางชนิดที่มีความเฉพาะเจาะจงน้อยจะเร่งปฏิกิริยาของสารเริ่มต้นที่คล้ายกันได้
  • อัตราการทำงานของเอนไซม์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ อุณหภูมิ (อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการทำงานโดยทั่วไปของเอนไซม์อยู่ในช่วง 25-40 องศาเซลเซียส หากสูงเกินไปจะทำให้เอนไซม์เสียสภาพโครงสร้าง ทำให้เข้าร่วมกับซับสเตรดไม่ได้), ความเป็นกรดเบส (โดยทั่วไปเอนไซม์จะทำงานได้ดีในช่วงค่า pH 6-7 แต่เอนไซม์หลายชนิดจะทำงานได้ดีในสภาพความเป็นกรดเบสแตกต่างกันออกไป เช่น ลิเพส ทำงานได้ดีที่สุดที่ค่า pH7, เพบซินที่ pH1.5-2.5, ทริบซินที่ pH 8-11 เป็นต้น), ปริมาณของเอนไซม์และซับสเตรด (อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะแปรผันตามความเข้มข้น ถ้ามากเกินพออัตราการเกิดปฏิกิริยาจะคงที่เนื่องจากไม่มีเอนไซม์และซับสเตรดเหลือพอที่จะทำปฏิกิริยา)
  • เอนไซม์แต่ละชนิดที่ร่างกายผลิตขึ้นมาจะมีชีวิตหรืออายุได้เพียง 20 นาที และจะต้องมีเอนไซม์ใหม่เข้ามาทดแทนอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็มีเอนไซม์บางชนิดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ ก่อนที่มันจะหมดสภาพไป
  • เอนไซม์ที่มีระดับต่ำในร่างกาย จะมีความสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่าง ๆ ถ้าเอนไซม์มีระดับต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็จะเกิดขึ้นมากตามไปด้วย
  • สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถสร้างเอนไซม์ขึ้นมาได้เอง ด้วยความสามารถในการผลิตที่ต่างกัน

การทำงานของเอนไซม์

ในการทำงานของเอนไซม์ โครงสร้างของเอนไซม์ทั้งก่อนและหลังการเกิดปฏิกิริยาจะยังคงเหมือนเดิม แสดงว่าเอนไซม์ไม่ได้ทำปฏิกิริยากับซับสเตรด แต่ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาเอนไซม์จะจับตัวกับซับสเตรด ทำให้ซับสเตรดแปรสภาพไป โดยมีการสลายหรือสร้างพันธะของซับสเตรดขึ้นใหม่เกิดผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยาเคมี จากการรวมตัวระหว่างเอนไซม์กับซับสเตรด จนกลายเป็นเอนไซม์-ซับสเตรดคอมเพล็กซ์ (Enzyme-substrate complex) มีสมมติฐานที่อธิบายกลไกไว้ดังนี้

1. สมมติฐานแม่กุญแจกับลูกกุญแจ ที่เอนไซม์จะเปรียบเสมือนเป็นลูกกุญแจ ส่วนซับสเตรดคือแม่กุญแจ ซึ่งจะเกิดการปลี่ยนแปลงเมื่อไขด้วยลูกกุญแจ โดยแม่กุญแจจะต้องมีรูปร่างที่พอเหมาะเท่านั้น ถึงจะรวมกับเอนไซม์และเกิดปฏิกิริยานกลายเป็นผลิตภัณฑ์ได้

2. สมมติฐานการเหนี่ยวนำ แอคทีฟไซต์จะสามารถยืดหยุ่นและเปลี่ยนสภาพได้เมื่อซับสเตรดเข้าใกล้บริเวณแอคทีฟไซต์ของเอนไซม์ ซับสเตรดจะเหนี่ยวนำให้เอนไซม์เปลี่ยนโครงรูปบริเวณแอคทีฟไซต์ให้มีรูปร่างและขนาดพอเหมาะที่จะรวมกับซับสเตรดได้

การทำงานของเอนไซม์


ชนิดของเอนไซม์

เอนไซม์เราสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ชนิด คือ

1. เอนไซม์จากอาหาร (Food enzyme - ฟูดเอนไซม์)

คือ เอนไซม์ที่พบได้ในอาหารสด อาหารดิบทุกชนิด ถ้ามาจากพืชเราจะเรียกว่า เอนไซม์จากพืช (Plant Enzyme) แต่ถ้ามาจากสัตว์ เราจะเรียกว่า เอนไซม์จากสัตว์ (Animal Enzyme) อาหารที่ผ่านความร้อนจะทำลายเอนไซม์ในอาหารได้โดยง่าย ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยในการย่อยอาหารที่เรารับประทานเข้าไป

2. เอนไซม์ย่อยอาหาร (Digestive enzyme - ไดเจสทีฟเอนไซม์)

คือ เอนไซม์ที่ผลิตขึ้นโดยร่างกาย ส่วนใหญ่จะผลิตมาจากตับอ่อน เพื่อใช้ในการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า

3. เอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน (Metabolic enzyme - เมทาโบลิกเอนไซม์)

คือ เอนไซม์ที่ผลิตในเลือด ในเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกาย มีหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อช่วยในการเผาผลาญสารอาหารและสร้างพลังงาน สร้างภูมิต้านทาน ความเจริญเติบโตให้กับร่างกาย รวมไปถึงการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะภายใน และช่วยบำบัดและรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ของร่างกาย

หมายเหตุ : บางตำรารวมเอนไซม์จากอาหารและเอนไซม์อาหารไว้ด้วยกัน เพราะเอนไซม์ทั้งสองมีทุกอย่างที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่แหล่งผลิตเท่านั้น โดยเอนไซม์จากอาหารจะผลิตจากภายนอกร่างกาย ส่วนเอนไซม์ย่อยอาหารจะผลิตจากภายในร่างกาย และดังที่กล่าวมาแล้วตับอ่อนจะรับวัตถุดิบของการผลิตเอนไซม์เพื่อการย่อยอาหารออกมาอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นภาระหน้าที่ที่หนักของตับอ่อน บางครั้งตับอ่อนอาจจะบวมเพราะพยายามผลิตเอนไซม์เพื่อให้เพียงที่จะย่อยอาหาร เอนไซม์ที่ผลิตจะถูกจับออกมาพร้อมกับด่างไบคาร์บอเนต ผ่านท่อของตับอ่อนมาเข้าร่วมกับท่อน้ำดีของถุงน้ำดี เพื่อย่อยอาหารที่เคลื่อนลงมาจากกระเพาะ เอนไซม์จะต้องถูกใช้ตลอดเวลา และเสื่อมคุณภาพหรือหมดอายุก็จะถูกขับออก ดังนั้น ร่างกายจึงต้องพยายามผลิตขึ้นใหม่ โดยอาจจะไม่เพียงพอ ต้องชดเชยโดยได้มาจาก "อาหารดิบ" (Raw Food) หรือบางทีก็มาจาก "เอนไซม์อาหารเสริม" (Enzyme Supplement)

อาหารจากธรรมชาติล้วนแล้วแต่มีเอนไซม์อยู่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยในการย่อยสิ่งต่าง ๆ ที่เรารับประทานเข้าไป เช่น โปรตีน แป้ง ไขมัน เส้นใยอาหาร น้ำตาล นม เป็นต้น โดยเอนไซม์ในอาหารจากธรรมชาติเหล่านี้เราสามารถจำแนกออกได้เป็น 7 ประเภท

  • อะไมเลส (Amylase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกแป้ง (ใช้หน่วยวัดปริมาณ DU - Alpha Amylase Dextrinizing Unit)
  • ไลเพส (Lipase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกไขมัน (ใช้หน่วยวัดปริมาณ LU - Lipase Unit)
  • โพรทีเอส (Protease) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกโปรตีน (ใช้หน่วยวัดปริมาณ HUT - Hemogolbin Unit Tryosine Base)
  • เซลลูเลส (Cellulase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารพวกเส้นใยพืชต่าง ๆ (ใช้หน่วยวัดปริมาณ CU - Cellulase Unit)
  • แลกเทส (Lactase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกนม
  • ซูเครส (Sucrase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกน้ำตาล
  • มอลเทส (Maltase) เอนไซม์ที่ช่วยสลายอาหารจำพวกเมล็ดข้าว

ประโยชน์ของเอนไซม์

  1. 1

    เอนไซม์ในอาหาร (Endogenous enzyme) หมายถึง เอนไซม์ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเยื่อของพืชและสัตว์ตามธรรมชาติ และมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในลักษณะที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารนั้นต้องการและไม่ต้องการ เช่น กลิ่น รส ลักษณะของเนื้อสัมผัส เป็นต้น

  2. 2

    เอนไซม์นอกอาหาร (Exogenous enzyme) หมายถึง เอนไซม์ที่ใช้เติมลงในกระบวนการแปรรูปเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ตามที่ต้องการ ซึ่งจะนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเอนไซม์ที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมนั้นจะมาจาก 3 แหล่ง คือ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ โดยคำนึงถึงความจำเพาะ ความเป็นกรดด่าง อุณหภูมิ หาได้ง่าย และมีราคาไม่สูงมากนัก

ประเภทของเอนไซม์

เอนไซม์ ที่นำมาใช้ในกระบวนการแปรรูปอาหาร สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

1. เอนไซม์มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต เพราะว่าปฏิกิริยาเคมีส่วนใหญ่ในเซลล์จะเกิดขึ้นช้ามาก ถ้าไม่มีเอนไซม์ก็อาจทำให้ผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยากลายเป็นสารเคมีชนิดอื่น ซึ่งถ้าขาดเอนไซม์ก็จะทำให้ระบบการทำงานของเซลล์ผิดปกติได้ เช่น การผ่าเหล่า การขาดหาย การผลิตน้อยเกินไป การผลิตมากเกินไป เป็นต้น
2. เอนไซม์มีหน้าที่สำคัญในการสร้างมนุษย์ตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์มารดา จากไข่ที่ผสมพันธุ์เซลล์เดียวเติบโตมาจนเป็น 60 ล้านล้านเซลล์ และต่อมายังทำหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำหน้าที่ย่อยอาหารเพื่อให้ได้สารอาหาร ช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย ด้วยการเร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอม จึงช่วยทำให้เลือดสะอาด
3. เอนไซม์มีความจำเป็นสำหรับทุกปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย เซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์จะต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี หากไม่มีเอนไซม์เราจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
4. แม้ว่าวิตามิน เกลือแร่ โปรตีน ฮอร์โมน และสารอาหารอื่น ๆ จะมีความสำคัญต่อชีวิตและสุขภาพ แต่ก็โดยเอนไซม์เท่านั้นที่ทำให้สารต่าง ๆ ได้ทำงานตามคุณสมบัติของมันได้ เพราะถ้าไม่มีเอนไซม์ทุกอย่างก็จะทำปฏิกิริยาไม่ได้เลย จนมีผู้กล่าวว่า "เอนไซม์คือพลังงานชีวิต" ถ้าระดับเอนไซม์ในร่างกายลดต่ำลงจนถึงระดับหนึ่ง จะทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานไม่ได้ และชีวิตจะหยุดลงทันที เอนไซม์จึงเป็นผู้สร้างเซลล์ สร้างร่างกาย สร้างอวัยวะ และสร้างชีวิต
5. ถ้าในร่างกายมีเอนไซม์อย่างสมบูรณ์และเพียงพอ มนุษย์อาจมีอายุยืนได้ถึง 120 ปี เพราะเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัวได้ตามกำหนดของโปรแกรมนาฬิกาชีวิต
6. ถ้าไม่มีเอนไซม์เป็นตัวเร่ง ปฏิกิริยาเคมีก็ยังเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ แต่จะไม่ทันต่อการดำรงชีวิต เพราะผลของปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นช้ามาก เช่น ถ้าร่ากายต้องการทำปฏิกิริยาเคมีกับน้ำตาลเพื่อให้เกิดพลังงานไปสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าจู่โจมร่างกาย ถ้าทำปฏิกิริยาตามปกติโดยไม่มีเอนไซม์เป็นตัวช่วย ก็คงจะเกิดพลังงานได้เหมือนกัน แต่กว่าจะเกิดปฏิกิริยาสมบูรณ์ ก็อาจต้องกินเวลานานกว่า 3 เดือน ร่างกายจึงจะได้รับพลังงานมาต่อต้านเชื้อโรค ถ้าเป็นเช่นนี้ เชื้อโรคจะฆ่าเราก่อนที่พลังงานภูมิคุ้มกันนั้นจะเกิดขึ้นอีก แต่ถ้าเรามีเอนไซม์สมบูรณ์ พลังงานและภูมิต้านทานจะเกิดขึ้นเร็วมากในเวลาเพียง 1 นาทีแรกที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น
7. เอนไซม์บางชนิด จะส่งเสริมการทำงานของหัวใจ ฯลฯ ซึ่งเอนไซม์แต่ละชนิดจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
8. หากร่างกายมีเอนไซม์อย่างสมบูรณ์ จะช่วยแก้ปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในของร่างกายได้ เช่น ระบบทางเดินอาหาร (โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย มะเร็งกระเพาะและลำไส้ โรคไตอักเสบ ไตวาย โรคตับ ต่อมลูกหมาก), ระบบหลอดเลือดและหัวใจ (โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง), ระบบทางเดินหายและระบบภูมิคุ้มกัน (ไซนัส ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ โรคปอด ไข้หวัดใหญ่ หัดต่าง ๆ), ระบบผิวหนัง (บำรุงผิวพรรณ แก้กลากเกลื้อน สิวฝ้า จุดด่างดำ ผิวหนังอักเสบ แผลสด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลในปาก สะเก็ดเงิน), ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (กล้ามเนื้ออักเสบ อัมพฤกษ์ อัมพาติ โปลิโอ ปวดเมื่อยตามตัว กระดูกพรุน กระดูกอักเสบ ไขข้ออักเสบ รูมาตึซึม โรคเก๊าท์), ระบบต่อมไร้ท่อ (เบาหวาน ต่อมไทรอยด์อักเสบ), ระบบสร้างเม็ดเลือด (โรคลูคิเมีย โรคโลหิตจาง), ระบบสืบพันธุ์ (เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความผิดปกติของประจำเดือน)
9. เอนไซม์ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย โดยถูกนำมาใช้ใน 2 ลักษณะ คือ ใช้ในกระบวนการแปรรูปและใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหาร เช่น เอนไซม์ Amylase ถูกนำมาใช้กับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อแยกแป้งออกจากสารละลาย ช่วยลดความขุ่นและความหนืด, เอนไซม์ Cellulase ถูกนำมาใช้กับผงซักฟอก เพื่อขยายเส้นใยเซลลูโลสของผ้า ทำให้เอนไซม์เข้าสู่เนื้อผ้าได้ จึงช่วยทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกจากเนื้อผ้า, เอนไซม์ Lactase ถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์นม เพื่อทำให้โปรตีนนมมีความเสถียร, เอนไซม์ Naringinase ถูกนำมาใช้กับผลไม้ตระกูลส้ม เพื่อช่วยลดสารขมในน้ำผลไม้, เอนไซม์ Protease ถูกนำมาใช้กับเบียร์หรือไวน์ เพื่อช่วยแยกตะกอนโปรตีน ทำให้ผลิตภัณฑ์ใส, เอนไซม์ Lipase ถูกนำมาใช้กับเนยแข็ง เพื่อย่อยสลายไขมันในระหว่างการบ่มและช่วยเพิ่มกลิ่นรสของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
10. นอกจากจะใช้เอนไซม์ในด้านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังมีการนำเอนไซม์มาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การนำมาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยการใช้เอนไซม์ตรึงรูป เพื่อทดแทนการสูญเสียเอนไซม์โดยการผ่านเข้าทางเส้นเลือด หรือการใช้เอนไซม์ในการบำบัดโรคต่าง ๆ และใช้ในการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ เป็นต้น
11. ตัวยับยั้งเอนไซม์ถูกนำมาผลิตเป็นยาแผนปัจจุบันจำนวนมาก ตั้งแต่ยาแก้ปวดแอสไพริน เพนิซิลลิน (Penicillins) แก้อักเสบ ยาไวอากร้า ฯลฯ ซึ่งเป็นการใช้ตัวห้ามมาปิดกั้นการทำงานของเอนไซม์หรือห้ามไม่ให้เอนไซม์บางชนิดทำงาน ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรักษาอาการของโรคต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกปวด ทำให้เชื้อแบคทีเรียไม่แบ่งตัว หรือทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดของอวัยเพศชายคลายตัวไม่บีบไล่เลือดออกไป ทำให้อวัยวะเพศบวมและแข็งอยู่ได้นาน

อาหารที่มีเอนไซม์

อาหารที่มีเอนไซม์

เราได้รับเอนไซม์ที่สะสมมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งปริมาณของเอนไซม์จะลดลงเรื่อย ๆ ตามช่วงอายุของเรา ยิ่งในวัยผู้ใหญ่ ประสิทธิภาพในการผลิตเอนไซม์ของร่างกายก็จะลดลง ทำให้เกิดปัญหาของการพร่องเอนไซม์ในร่างกาย อีกทั้งเอนไซม์ที่ควรจะได้รับจากอาหารยังเกิดการสูญเสียสภาพไป อันเนื่องมาจากอาหารที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ อย่างการปรุงอาหาร โดยเฉพาะความร้อน แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถเพิ่มปริมาณของเอนไซม์ให้กับร่างกายของเราได้ 2 วิธีด้วยกัน โดยในวันหนึ่ง ๆ ให้เรารับประทานผักและผลไม้สดให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมดที่เรารับประทานเข้าไปใน เพื่อให้ร่างกายจะได้ไม่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็น

นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า การลดจำนวนอาหารลงจะทำให้เราไม่สิ้นเปลืองการใช้เอนไซม์ที่จะมาใช้ในการย่อยอาหาร ส่งผลทำให้ตายช้าลง เพราะเมทาโบลิกเอนไซม์จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่ต้องไปช่วยย่อยอาหาร จึงสามารถนำไปซ่อมแซมร่างกายให้แข็งแรง ตัวอย่างที่ได้อย่างชัดเจนก็คือ แมว เวลามันป่วยก็จะหยุดกินอาหาร และจะพยายามออกไปกินต้นหญ้าบางอย่าง เป็นสัญชาติญาณการประหยัดเอนไซม์จากการหยุดกินอาหาร และยังเอาเอนไซม์จากพืชมาช่วยด้วย แต่ใช่ว่าแมวจะฉลาดกว่ามนุษย์ แต่เป็นเพราะกฎแห่งการอยู่รอด ซึ่งธรรมชาติเป็นผู้กำหนด ในศาสนาต่าง ๆ เช่น ในศาสนาพุทธที่ให้พระสงฆ์งดอาหารเย็น หรือการถือศีลอดของศาสนาอิสลามก็เป็นความยิ่งใหญ่ของการปรับปรุงระดับเอนไซม์ในร่างกายที่น่าศึกษาทีเดียว เพราะเมื่อไม่ต้องใช้เอนไซม์ในการย่อยอาหาร จึงทำให้การสร้างเมทาโบลิกเอนไซม์มีไว้ใช้ได้มากขึ้น

ผักผลไม้สดที่เรารับประทานเข้าไป จะทำให้ร่างกายได้รับเอนไซม์ต่าง ๆ โดยเอนไซม์เหล่านี้ที่ได้รับมาจะไปช่วยในการทำงานของเอนไซม์ที่มีอยู่แล้วในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้สุขภาพร่างกายของเราดีขึ้นด้วย และนักชีวเคมียังมีความเชื่อด้วยว่าเอนไซม์ที่ถูกผลิตขึ้นในร่างกายของแต่ละคนจะมีอยู่อย่างจำกัด เปรียบเสมือนเงินฝากในธนาคาร ถ้าใช้อย่างฟุ่มเฟือย เงินในธนาคารก็หมดเร็ว เพราะคนทั่วไปเบิกเอนไซม์ของตอนมาใช้ และไม่ค่อยหากลับมาฝากคืนธนาคารอีก ดังนั้นเราจึงต้องช่วยตัวเองที่จะประหยัดเอนไซม์เพื่อให้มีใช้ได้นานที่สุด และหาเอนไซม์จากภายนอกมาใช้แทน ถ้าต้องการให้มีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี

นักวิจัยพบว่าเอนไซม์ถ้ามีระดับต่ำกว่าปกติในเลือด จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยมะเร็งจะมีระดับเอนไซม์ในเลือดต่ำกว่าคนทั่วไป ผู้ป่วยเบาหวานจะมีเอนไซม์ไลเปสและเอนไซม์ทริปซินในเลือดต่ำมาก หรือในผู้ป่วยทีเป็นโรคผิวหนังบางชนิดจะมีระดับเอนไซม์อะไมเลสต่ำในเลือด เป็นต้น อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากจะต้องรับประทานอาหารสดและอุดมไปด้วยเอนไซม์แล้ว ก็ต้องรักษาสุขภาพด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่เครียด ฯลฯ เหล่านี้ก็จะทำให้มีชีวิตที่ยืนยาวตราบเท่าที่ร่างกายยังมีการทำงานของเอนไซม์ตามปกติ เพราะถ้าเอนไซม์ในร่างกายถูกใช้หมดไปเร็วเท่าไหร่ ชีวิตก็จะสั้นลงเร็วขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นการได้รับเอนไซม์เพิ่มเติมจากอาหารเช่น ผักผลไม้สด หรือน้ำหมักสมุนไพรที่อุดมด้วยเอนไซม์จึงเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยเสริมระดับของเอนไซม์ในร่างกาย ทำให้สุขภพแข็งแรงและอายุยืนยาว

(ที่มา: https://medthai.com/เอนไซม์/ )

Product

  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    ULID น้ำมังคุดสกัดเข้มข้น ผสมสมุนไพร

    Mangosteen & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำมังคุดสกัดเข้มข้น ผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากมังคุดและสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Mangosteen juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from mangosteen and herbs with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดผลมังคุด/Mangosteen 65%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ / Aloe vera 6%
    • น้ำสกัดใบพลูคาว/ Houttuynia Cordata 4%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน/ Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง/ Ginger 3%
    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ/ Garnoderma lucidum 1%
    • น้ำผึ้ง/ Honey 6%
    • น้ำตาลทรายแดง/ Brawn Sugar 5%
    • น้ำแร่/ Mineral Water 5%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 30 CC, (2 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 30 CC, (2 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    อุลิด น้ำลูกยอตาอิติ

    TAHITIAN NONI & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำลูกยอตาฮิติสกัดเข้มข้น ผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากผลลูกยอตาฮิติและสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Tahitian Noni Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Tahitian Noni and herbs with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดลูกยอตาฮิติ / Tahitian Noni 80 %
    • น้ำแร่ธรรมชาติ /Mineral Water 6%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ /Aloe vera 4%
    • น้ำผึ้ง Honey / 5%
    • น้ำตาลทรายแดง /Brown Sugar 5%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    อุลิด น้ำพลูคาวผสมสมุนไพร

    PLU KAOW & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำพลูคาวผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากต้นพลูครวและสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Houttuynia Cordata (Plu Kaow) Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Houttuynia Cordatai and herbs mixed with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดใบพลูคาว/Houttuynia Cordata 67%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ / Aloe vera 6%
    • น้ำผึ้ง/ Honey 6%
    • น้ำตาลทรายแดง / Brown Sugar5%
    • น้ำแร่ / Mineral Water 5%
    • น้ำสกัดผลมังคุด/ Mangosteen 4%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน/Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง/ Ginger 3%
    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ/Reshi 1%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    อุลิด น้ำเห็ดสกัดเข้มข้น ผสมน้ำมังคุดและบลูเบอรี่

    Mushroom Mix & Mangosteen, Blueberry CONCENTRATED JUICE

    น้ำเห็ดสกัดเข้มข้น ผสมน้ำมังคุดและบลูเบอรี่ ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากเห็ดยาหลายชนิด เช่น เห็ดหลินจือ เห็ดถั่งเช่า เห็ดไมตาเกะ เห็ดชิตะเกะ และสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Mixed Mushrooms Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Medicinal Mushrooms and herbs with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดถั่งเช่า/ Cordyceps sinensis 15%
    • น้ำสกัดเห็ดไมตาเกะ/ Maitake 15%
    • น้ำสกัดเห็ดหอม / Shitake 15%
    • น้ำสกัดเห็ดยามาบูชิตาเกะ / Hericium erinaceus15%
    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ/ 6%
    • น้ำสกัดมังคุด /Mangosteen 10%
    • น้ำสกัดบลูเบอรี่ /Bluberry/6%
    • น้ำผึ้ง / 6%
    • น้ำตาลทรายแดง/ 5%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน / Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง / 3%
    • น้ำสกัดมะขามป้อม/Amala 1%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    VEDIC น้ำสมุนไพรผสมน้ำผลไม้ สกัดเข้มข้น

    VEDIC HERBAL MIX FRUIT CONCENTRATED JUICE

    ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากสมุนไพรและเห็ดยาหลายชนิด เช่น เห็ดหลินจือ เห็ดถั่งเช่า เห็ดไมตาเกะ เห็ดชิตะเกะ ที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Herbal mixed with fruit concentrated juice extracted through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from herbals with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดถั่งเช่า/ Cordyceps sinensis 15%
    • น้ำสกัดเห็ดไมตาเกะ/ Maitake 15
    • น้ำสกัดเห็ดหอม / Shitake 15%
    • น้ำสกัดเห็ดยามาบูชิตาเกะ / Hericium erinaceus15%
    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ/ 6%
    • น้ำสกัดมังคุด /Mangosteen 10%
    • น้ำสกัดบลูเบอรี่ /Bluberry/6%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้/
    • น้ำสกัดพลูคาว
    • น้ำสกัดใบมะกอก
    • น้ำสกัดกระเจี๊ยบแดง
    • น้ำสกัดมะตูม
    • น้ำสกัดโสมเกาหลี
    • น้ำสกัดอึ้งคี้
    • น้ำสกัดตังกุย
    • น้ำสกัดตังเซียม
    • น้ำสกัดเก๋ากี้
    • น้ำสกัดพุทราจีน
    • น้ำผึ้ง / 6%
    • น้ำตาลทรายแดง/ 5%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน / Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง / 3%
    • น้ำสกัดมะขามป้อม/Amala 1%
    • น้ำสกัดสมอไทย
    • น้ำสกัดสมอภิเภก
    • น้ำสกัดผลมะกรูด
    • น้ำสกัดดอกคำฝอย

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0207
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    น้ำว่านหางจระเข้ ผสมสมุนไพร

    ALOE VERA & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำว่านหางจระเข้สกัด ผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากว่านหางจระเข้และสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Aloe vera Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Aloe vera and herbs mixed with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ / Aloe vera 67%
    • น้ำผึ้ง/ Honey 6%
    • น้ำตาลทรายแดง / Brown Sugar 5%
    • น้ำแร่ / Mineral Water 5%
    • น้ำสกัดถั่งเช่า/ Cordyceps sinensis 4%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน/Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง/ Ginger 3%
    • น้ำสกัดสมอไทย/Terminalia Chebula 3%
    • น้ำสกัดมะขามป้อม/Amala 3%
    • น้ำสกัดใบพลูคาว/Houttuynia Cordata 1%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    น้ำเห็ดหลินจือสกัด ผสมสมุนไพร

    Reshi & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำเห็ดหลินจือสกัดผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากเห็ดหลินจือและสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Reshi Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Reishi and herbs mixed with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ/Reshi 67%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ / Aloe vera 6%
    • น้ำผึ้ง/ Honey 6%
    • น้ำตาลทรายแดง / Brown Sugar5%
    • น้ำแร่ / Mineral Water 5%
    • น้ำสกัดถั่งเช่า/ Cordyceps sinensis 4%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน/Tumeric 3%
    • น้ำสกัดขิง/ Ginger 3%
    • น้ำสกัดใบพลูคาว/Houttuynia Cordata 1%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0193
  • น้ำเอนไซม์สมุนไพรและ Kombucha
    Hot

    น้ำถั่งเช่าสกัด ผสมสมุนไพร

    Cordyceps & Herbal Mix CONCENTRATED JUICE

    น้ำถั่งเช่าสกัดผสมสมุนไพร ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสกัดด้วยน้ำแร่ เพื่อได้สารสำคัญและคุณค่าอาหารจากเห็ดถั่งเช่าและสมุนไพรที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสุขภาพที่ดีทุกวัน

    Reshi Juice concentrated mixed with herbs through modern technology production process that can extract vital substances and nutrients from Reishi and herbs mixed with mineral water that are quickly absorbed into the body.

    ส่วนประกอบสำคัญ/Ingredients :

    • น้ำสกัดถั่งเช่า/ Cordyceps sinensis 65%
    • น้ำสกัดว่านหางจระเข้ 6%
    • น้ำผึ้ง 6%
    • น้ำตาลทรายแดง 5%
    • น้ำแร่ 5%
    • น้ำสกัดใบพลูคาว 4%
    • น้ำสกัดขมิ้นชัน 3%
    • น้ำสกัดขิง 3%
    • น้ำสกัดเห็ดหลินจือ 1%
    • น้ำสกัดโสมเกาหลี 1%

    วิธีใช้/Directions :

    รับประทานครั้งละ 50 CC, (3 ช้อนโต๊ะ) ก่อนอาหารเช้า เย็น

    Direction :

    Take 50 CC, (3 tablespoons) before breakfast and dinner.

    อย.12-2-02160-6-0180

Promotion



ULID

1 ขวด ราคา 250

จัดส่งฟรีทั่วประเทศ


ULID

ชุดเสริมภูมิคุ้มกัน

  • ULID พลูคาว
  • ULID หลินจือ
  • ULID ถั่งเช่า

3 ขวด ราคาปกติ 750
ลดเหลือ 699 บาท
จัดส่งฟรี!


ULID

ชุดผิวสวยใส ต้านริ้วรอย

  • ULID มังคุด
  • ULID ว่านหางจระเข้
  • ULID เห็ดสกัดรวม

3 ขวด ราคาปกติ 750
ลดเหลือ 699 บาท
จัดส่งฟรี!


ULID

ชุดควบคุมน้ำหนัก

  • ULID ว่านหางจระเข้
  • ULID ลูกยอ

2 ขวด ราคาปกติ 500
ลดเหลือ 479 บาท
จัดส่งฟรี!


ULID

ชุดสร้างสมดุลย์ชีวิต

  • ULID เวดิค สมุนไพรรวม
  • ULID เห็ดสกัดรวม
  • ULID ลูกยอ

3 ขวด ราคาปกติ 750
ลดเหลือ 699 บาท
จัดส่งฟรี!


ULID

ชุดดีท็อกซ์สารพิษ

  • ULID พลูคาว
  • ULID ว่านหางจระเข้
  • ULID เห็ดสกัดเข้มข้น

3 ขวด ราคาปกติ 750
ลดเหลือ 699 บาท
จัดส่งฟรี!


ULID

ชุดเสริมกระดูกและข้อต่อ

  • ULID เวดิค น้ำสมุนไพรรวม
  • ULID ว่านหางจระเข้
  • ULID Noni

3 ขวด ราคาปกติ 750
ลดเหลือ 699 บาท
จัดส่งฟรี!


Actirities

Actirities
Actirities
Actirities

พบกับเราที่เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket

เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket
เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket
เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket
เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket
เดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น G หน้า Supermarket

Review

Image
มีเพื่อนแนะนำให้ทานเพราะว่าเขาทานแล้วดีผิวพรรณสดใสขึ้นก็เลยลองทานดูปกติตัวเองเป็นคนท้องผูกบางที 3-4 วันถึงจะถ่ายทีแต่หลังจากทานแล้วปรากฏว่าระบบขับถ่ายดีมากพอเช้ามาก็เข้าห้องน้ำเลยรู้สึกตัวเองสุขภาพดีขึ้นหลับสบายขึ้นสิวที่หลังก็หายไปด้วย
Image
ผมลองทานตัวเห็ดสกัดรวมเพราะเห็นว่ามีสมุนไพรหลายชนิดดีมีเห็ดตั้ง 4 5 ชนิดทั้งเห็ดหลินจือเห็ดถังเช่าเห็ดชิตาเกะเห็ดไมตาเกะพ่อทานแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเป่าตื่นเช้ามาไม่เพลียสดชื่นขึ้นอาการอ่อนล้าง่วงตอนกลางวันก็หายไปเลยครับ
Image
เดินผ่านที่ Shop ที่เดอะมอลล์พนักงานแนะนำให้ลองทานตัวว่านหางจระเข้เพราะว่าตัวเองมีอาการกรดไหลย้อนอาหารไม่ค่อยย่อย ผ่านมาประมาณ 2 อาทิตย์แล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลยระบบย่อยอาหารดีขึ้นท้องไม่ค่อยอืดไม่ค่อยเป็นลมในท้องเยอะเหมือนเมื่อก่อนอาการแสบร้อนกลางอกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
Image
ผมเป็นโรคภูมิแพ้ ตื่นเช้ามาชอบมีน้ำมูกแล้วเป็นหวัดบ่อย ผมได้ลองทานตัว vedic ที่เป็นเห็ดสกัดและสมุนไพรรวมหลายสิบชนิด ทานแล้วรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเป๋าขึ้นอาการภูมิแพ้มีน้ำมูกตอนเช้าก็ลดลงที่แปลกก็คือหวัดไม่ค่อยเป็นแล้วหลังจากเริ่มทานมาได้ประมาณสัก 2 เดือน เหมือนว่าภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้นครับ